
ความเชื่อ เราเป็นคนหนึ่งที่มีความเชื่อในเรื่องของการสวดมนต์ ภาวนา เพราะเราเคยได้เจอกับตัวเอง สิ่งที่เราอธิษฐานอาจจะมาช้าไปหน่อยแต่สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ แบบที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้หลายคนบอกว่า ก่อนที่จะขอพรอะไรควรขอด้วยความเชื่อ และศรัทธา หากไม่มีความศรัทธาแล้วนั้น คำขอมักไม่ได้ผล
ส่วนมากสิ่งที่ผู้คนขอมักจะขอเกินจริง เกินกรรม เกินตัว มากกว่าที่ควรจะเป็นมากกว่าที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะสามารถให้ได้ พอขอแล้วไม่เห็นผลก็ลดทอนความศรัทธาลง บางคนอาจถึงกับหยุดความเชื่อของตัวเอง หมดศรัทธา เพราะคิดว่าไม่มีทางสำเร็จสมหวัง แต่ก็มีอีกมากมายหลายคนที่ยังเชื่อและศรัทธา ถึงแม้ว่าจะยังไม่สำเร็จสมหวังตามคำที่ขอพร
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา สิ่งที่เราขอมักจะสมหวังแต่จะเลยเวลาที่เรากำหนด มีหลายครั้งที่ท้อใจและหยุดอธิษฐาน หยุดขอพร หยุดสวดภาวนา แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาขอพรอีกครั้ง เพราะรู้สึกว่าชีวิตช่างหมดหวังไม่มีทางออก ไม่รู้จะไปทางไหน เหนื่อย ท้อ หลายคนอาจจะไม่เชื่อในเรื่องของแรงอธิษฐาน แต่สำหรับเราที่เจอมากับตัวเชื่อจนหมดใจ
แต่สิ่งที่เราจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้มากยิ่งกว่าแรงอธิษฐาน มันคือการทำพิธีกรรมที่เราได้รับรู้มาจากเพื่อนที่เป็นคนอิสลาม เราเป็นคนกรุงเทพมหานคร เติบโตที่นี่แต่มีเพื่อนเป็นคนต่างจังหวัดทางภาคใต้ สิ่งที่เราจะเล่านั้นเราอยากให้เป็นอุทาหรณ์ เกี่ยวกับเรื่องของความรัก เพื่อนของเราคนหนึ่งโดนคนรักทิ้งไปมีคนใหม่และมีความคิดว่า ต้องการที่จะหาคนทำพิธีกรรม
เพื่อเรียกคนรักกลับคืนมา เพื่อนของเราตามหาสิ่งลี้ลับเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานพอสมควรเรียกได้ว่าใครว่าที่ไหนดีที่ไหนทำได้ไปมาแทบจะหมด ในตอนแรกเราไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักคิดว่าเพื่อนเราพูดเล่น แต่ช่วงหลังเพื่อนเราคงจะเครียดมากๆ เลยมาระบายให้เราฟัง ตั้งแต่เพื่อนเราหาหมอเสน่ห์เพื่อต้องการทำให้คนรักกลับคืนมา รวมแล้วเป็นเวลากว่า 3 ปี
นานมากเลยนะคะ ที่คนคนนึงจะยังคงฝังใจกับคนรักที่เคยทิ้งกันไป เพื่อนเราเล่าให้ฟังว่าตอนไปทำพิธีกรรมทางภาคเหนือก็ไปเจอหมอที่อยู่บนเขาใช้วิธีปั้นเทียนและจุดสวดคาถาเพื่อเรียกคนรัก และมีพิธีการผ่าจ้านที่หมอเสน่ห์ทำ โดยจะเข้าไปทำที่ป่าช้า เพื่อนเราก็ดั้นด้นไปทำถึงที่ หาเงินหาทองเพื่อไปทำที่ไหนว่าดีว่าแรง
ใครแนะนำก็พยายามเสาะหาไปจนได้ แต่ก็ยังไม่เห็นผล เลยคิดเอาเองว่าของเสน่ห์ทางเหนืออาจจะยังไม่แรงพอที่จะทำให้คนรักของตัวเองกลับมาหาได้ หลังจากนั้นเพื่อนเราเดินทางไปทางภาคอีสาน พื้นที่ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย เล่าขานกันมาเยอะว่าแถบอีสานมีของดีของแรง เพื่อนเราก็ไปตามที่ใครต่อใครแนะนำมา
เงินทองที่หามาได้ก็เอาไปทุ่มสุดตัวกับเรื่องเหล่านี้ พอไปทางภาคอีสานหมอคนทำก็จะมีพิธีกรรมเรื่องการมัดหุ่นเรียกจิตต่างต่างนานา เราขอไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องวิธีการทำนะคะ ถึงขนาดที่ว่าไปทำใกล้ชายแดนกัมพูชาที่ลือกันว่าได้ผลมานักต่อนัก สุดท้ายกลับบ้านมาก็เงียบกริบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อนเราได้แต่ไปคอยส่องเฟสบุคของแฟนเก่า
เพราะอยากรู้มีอะไรอัพเดทบ้าง เห็นเขามีความสุขกับคนใหม่ คราวนี้ยิ่งเพิ่มความเจ็บช้ำน้ำใจทวีคูณเข้าไปอีก ได้แต่ตั้งคำถามว่าทำไมทิ้งกันไปไม่มีเยื้อใยใดใดเลย ทำไมสิ่งที่ทำถึงไม่มีผลอะไรเกิดขึ้นบ้างเลย แม้แต่โทรศัพท์มาหาสักครั้งก็ไม่เคย แต่เพื่อนเราก็ยังไม่ย่อท้อทางเหนือไม่ได้ อีสานไม่เห็นผล ล่าสุดมีคนแนะนำให้ไปทางภาคใต้
จังหวัดบ้านเกิดของตัวเอง เพื่อนเราก็เลยมาชวนให้เราไปด้วยเพราะครั้งนี้ต้องไปค้างคืนหลายวัน เพื่อนโทรไปคุยกับคนทำมาเรียบร้อยแล้วและพิธีกรรมต้องทำอย่างต่อเนื่อง 7 วัน เพื่อนเราถึงได้มาชวนให้เราไปด้วย เรานั่งรถไฟลงใต้ไปกับเพื่อนเพราะเป็นห่วงไม่ต้องสงสัยค่ะว่าที่ผ่านมาทำไมเราไม่ไปกับเพื่อน เพราะที่ผ่านมาเราไม่รู้ค่ะ
ว่าเพื่อนเราไปทำอะไรแบบนี้ด้วย ที่ผ่านมาไม่ต้องค้างคืนและไม่มีพิธีกรรมตอนกลางคืน เราลงรถไฟได้ก็ต่อรถไปที่บ้านหลังหนึ่งไม่ไกลจากอำเภอเมืองมากนักแต่เส้นทางค่อนข้างซับซ้อนพอสมควร เพื่อนเราบอกว่าครั้งนี้คนทำเป็นคนอิสลาม นางเชื่อหมดใจว่าจะต้องสำเร็จ พอไปถึงที่หมายถามหาชื่อหมอคนนี้คือเป็น ความเชื่อพื้นบ้าน ที่รู้จักของคนพื้นที่ค่ะ
เป็นผู้หญิงตาบอดเรานั่งฟังก็เคลิ้มไปเลย หมายถึงวิธีการพูดของหมอที่ทำนะคะ พูดจนเราแบบถ้าเรามีปัญหาอะไรเราต้องมาหาเขาแน่นอน หลังจากเก็บของเรียบร้อยก็เรื่องทำพิธีเราเห็นเพื่อนตั้งใจแน่วแน่ก็ไม่ได้อะไรแค่คอนสังเกตุการณ์อยู่ใกล้ใกล้ เราขอข้ามขั้นตอนต่างต่างนะคะ เพราะรายละเอียดค่อนข้างเยอะ ไปถึงป่าช้าในตอนกลางคืนเราก็ไปกับเพื่อน
เอาเป็นว่าทำทุกอย่างที่เขาให้ทำ กลัวก็กลัวค่ะแต่มาถึงนี่แล้วทำยังไงได้ เราอยู่ทำพิธีกรรมกับเพื่อนจนครบ 7 วัน จนถึงวันที่ต้องกลับ หมอให้พวกเราออกมาช่วงใกล้มืดแล้วเรากังวลมากมากเพราะทางค่อนข้างเปลี่ยวและกว่าจะถึงสถานีรถไฟ เราเดินทางกลับมาด้วยความเหนื่อยล้าได้คิดสงสารเพื่อนเราที่ต้องไปเจออะไรแบบนี้ต้องมานั่งทรมานใจ
หลังจากไปทำพิธีกรรมนั้นมาประมาณหนึ่งเดือนก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเรายังเห็นแฟนเก่าเพื่อนเรามีความสุขกับคนใหม่ดี ไม่มีวี่แววว่าจะอยากมาขอคืนดีกับเพื่อนเราสักนิดเดียว เราบอกเพื่อนว่าให้ทำใจแล้วพยายามชวนไปทำบุญไหว้พระแต่จิตใจของเพื่อนเรายังคิดแต่จะหาที่ทำเพื่อให้คนรักเก่ากลับมา ไปทุกที่โดยไม่เกรงกลัวภัยอันตรายอะไร
เพียงเพราะต้องการให้คนรักกลับมาขอคืนดี เสียเงินทองแทบจะไม่มีใช้จ่ายหรือดูแลตัวเอง เอาแต่ทุ่มเทสนใจแต่สิ่งที่ไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่ เราไม่ได้บอกว่าการทำพิธีกรรมดังกล่าวไม่มีจริง เราคิดว่าของจริงก็อาจจะมีแต่น่าจะหายากค่ะ เรื่องแบบนี้ คนที่ทำได้จริงจริงก็คงไม่ออกมาประกาศตัว เอาเป็นว่าเราขอให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนให้ทุกคนนะคะ รักได้ เสียใจได้ แต่อย่างน้อยต้องรักตัวเองให้มากมากค่ะ ความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่าง เราได้แต่ปลอบใจเพื่อนเราว่า ให้หันมารักตัวเองเถอะ เพราะจิตใจของคนเราไม่ได้บังคับหรือควบคุมกันง่ายง่าย
เขียนโดย ณิชชกา