
ความเด๋อ มนุษย์ทุกคนเดมาพร้อมความผิดพลาด ไม่มีใครสมบูรณ์แบบและความบกพรองในส่วนนี้เอง ที่ทำให้เราแตกต่างและทำให้ชีวิตของเรามีสีสันไม่น่าเบื่อ
วันนี้ผู้เขียนจะมาเล่าหรือมาแกงตัวเองให้ผู้อ่านได้รับชมกันค่ะ ว่าในช่วงชีวิตที่ผ่านมาผู้เขียนเคยพบเจอประสบการณ์น่าอับอายจากความเด๋อด๋าของตัวเองอย่างไรบ้าง เผื่อว่าจะเป็นกำลังใจให้คนที่เพิ่งทำตัวน่าอับอายต่อหน้าคนอื่นไปแล้วคิดมากว่าไม่อยากเผชิญหน้ากับคนในสังคมอีกแล้ว หากคุณคิดแบบนั้นลองมาอ่านบทความนี้ดูค่ะ มาแข่งกันดีกว่าว่าใครจะพลาดมากกว่ากัน แม้ว่าอันที่จริงแล้วพลาดมากพลาดน้อยนั้นจะไม่สำคัญเท่ากับคุณจะยอมรับมันได้มากแค่ไหนก็ตาม หรือหากคุณไม่ต้องการกำลังใจใดๆ ให้เรื่องของผู้เขียนช่วยคุณฆ่าเวลาและคลายเครียดซักนิดก็ยังดีนะคะ
1.ประตูแบบเลื่อน ไม่ใช่ประตูผลัก
เชื่อว่าใครๆหลายคนน่าจะเคยเป็นกันบ้างแหละในข้อนี้ คือ การเผลอคิดว่าประตูแบบเลื่อนเปิดเป็นประตูแบบผลักเปิดส่งผลให้เราใช้วิธีเปิดผิด ต้นเหตุของเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะความเบลอจากการทำงานและจากความไม่คุ้นชิน เนื่องจากประตูในส่วนนี้มักจะเปิดอยู่ตลอด จนเย็นวันหนึ่งมันเกิดปิดขึ้นมา ตอนนั้นผู้เขียนไม่ได้มีท่าทีคิดตรึกตรองเลยแม้แต่น้อย มั่นใจมากๆว่ามันต้องผลักออก จึงได้ใช้มือข้างที่ถนัดจับไปที่หูประตูและออกแรงดัน เมื่อพบว่ามันไม่เปิดผู้เขียนยังโง่ต่อ คิดไปว่าคงออกแรงน้อยไปเลยดันย้ำๆซ้ำๆอยู่ซักพักจนคิดถอดใจว่า ไม่เสียก็ต้องมีคนเผลอล็อคแน่ๆ จนมีพี่คนนึงเดินมาบอกว่า “น้องครับ มันต้องเลื่อน” ผู้เขียนคิดซัก 3 วิก็ร้องอ๋อแล้วหัวเราะแบบเขินๆ รีบเดินออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุด อายก็อายแต่ดันบ้าจี้หยุดขำตัวเองไม่ได้ วันนั้นคือเดินหัวเราะคนเดียวเหมือนผีบ้าเลยค่ะ
2.หกล้มหน้าคะมำในที่สาธารณะคนเดียว
วันนั้นเป็นวันสอบเก็บคะแนน ผู้เขียนตื่นสาย เพื่อนๆทุกคนก็เข้าห้องกันหมดแล้ว ผู้เขียนรีบมากรีบบึ่งรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดใต้ตึกมหาวิทยาลัย จอดเสร็จก็ดูเวลาในมือถือพลางดูห้องสอบไปด้วย ขาก็สับๆเดินให้เร็วที่สุด ตอนนั้นไม่สามารถวิ่งได้เพราะใส่ชุดนักศึกษาเต็มยศ รองเท้าคัชชูกระโปรงทรงเอรัดขา ก้าวยาวไม่ได้กระโปรงอาจแหวกขาด ด้วยความที่ตามองแต่มือถือจึงไม่ทันระวังตัวเดินสะดุดตัวหนอนที่จอดรถล้ม ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผู้เขียนร้องว้ายเสียงดังและล้มคว่ำลงไปในท่านอนโก่งก้น เข่าถอกเล็กน้อย หัวฟุบไปกับพื้นแต่ยังดีที่มีแขนรองหน้าอยู่เลยไม่ได้รับบาดเจ็บมาก พอตั้งสติได้ก็รีบปัดเนื้อปัดตัว ลุกขึ้นมา ดูเวลาและหันมองซ้ายแลขวาว่ามีใครเห็นเหตุการณ์นี้หรือไม่ สายตาก็ปะทะกับนักศึกษาชายคนนึงกำลังยืนถือหมวกกันน็อคอยู่ไม่ไกลจ้องมาทางผู้เขียนด้วยสีหน้างงๆ ผู้เขียนมองจากสีหน้าก็คาดเดาได้ว่าต้องเห็นตอนล้มแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่จ้องกันขนาดนี้ โชคยังดีที่มีผู้เห็นเหตุการณ์คนเดียวผู้เขียนเลยอายน้อยหน่อย
อีกครั้งที่ล้มคือน่าอายยิ่งกว่า วันนั้นเป็นตอนที่ผู้เขียนเริ่มสอบเสร็จและกำลังจะกลับไปนอนพักผ่อน ระหว่างทางก็เดินลงบันไดมาดีๆ จู่ๆเท้าเจ้ากรรมดันก้าวพลาดเหยียบไม่ติดบันไดลื่นไถลลงไปเฉยเลย ดีที่เกาะราวบันไดไว้ทันเลยไม่กลิ้งตกลงไปทั้งตัว มีแต่ขาที่ก้าวพลาดไหลลงไปข้างเดียว แต่นั่นก็ถือว่าน่าอายมากแล้ว เพราะตอนนั้นมีคนเห็นเยอะ นักศึกษาหญิงที่กำลังจับกลุ่มคุยกันหลังสอบเสร็จหัวเราะคิกคักพอเห็นเหตุการณ์ไถลลื่นของผู้เขียนก็พากันเงียบกริบและมองมาที่ผู้เขียนทันที ตอนนั้นอายนะ แต่ผู้เขียนก็ยังหันไปมองผู้หญิงกลุ่มนั้นกลับ คิดในใจว่าจะพูดอะไรไหมนะ? หรือว่าจะขำรึเปล่า? แต่เปล่าเลย ต่างฝ่ายต่างเงียบแล้วจ้องหน้ากันเฉยๆจนเกิดเดดแอร์ชวนอึดอัด ผู้เขียนเลยหันกลับมามองขาตัวเองแล้วพูดเบาๆว่า ไม่เป็นไรๆและลุกขึ้นเดินต่อ ไม่มีใครปลอบก็ปลอบตัวเองนะคะ
3.ขับรถฝ่าไฟแดงแล้วถูกตำรวจขับตาม
เป็นความไม่ตั้งใจและประมาทของผู้เขียนเอง ตอนนั้นไฟสัญญาณจราจรเป็นสีเหลืองแล้ว แต่ผู้เขียนคิดว่าน่าจะผ่านไปทัน เลยตัดสินใจขับต่อไม่หยุด ผลคือผู้เขียนขับผ่าไฟแดง นั่นยังไม่น่าอายและน่ากลัวเท่ากับการมีคุณตำรวจจากไหนไม่รู้ขับรถตามมาประกบทันที
ณ ตอนนั้นคิดเผื่อในใจแล้วว่าต้องเสียค่าปรับแน่ๆ พอคุณตำรวจขับมาใกล้รถในระยะที่สามารถพูดคุยกันได้ ผู้เขียนจึงชิงพูดไปก่อนเลยว่า “ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ” เหมือนสวรรค์มาโปรดเมื่อคุณตำรวจตอบกลับมาว่า “ไม่เป็นไร ครั้งหน้าอย่าทำอีกนะหนู” แล้วเรื่องก็จบลงด้วยดี
4.เผลอผายลมตอนสวดมนต์
เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนมัธยมต้น โรงเรียนจะมีกิจกรรมรวมตัวกัน สวดมนต์ ทุกวันศุกร์ตอนเย็น ผู้เขียนก็สวดไปตามปกติ แต่เมื่อถึงจังหวะ อัญชลี วันทา ก็ปกติดีแต่พออภิวาทเท่านั้นแหละ ปู้ดใหญ่มาก ผู้เขียนเผลอผายลมตอนก้มกราบ เพื่อนๆในห้องหัวเราะคิกคักกันเสียงดังจนครูดุ พอเสร็จกิจกรรมก็ถูกเพื่อนๆล้อว่า อัญชลี วันทา อภิวาท ปู้ด! แม้ว่าผู้เขียนจะขำไปกับเพื่อนทุกครั้งที่โดนล้อ แต่ก็ต้องรู้สึกอายเพราะโดนล้อเรื่องนี้ซ้ำๆไปตลอดช่วงมัธยมต้นเลยทีเดียว
5.นึกว่าคนอื่นเรียกตัวเอง
ผู้เขียนเกลียดมากเวลาเจอคนชื่อซ้ำกับตัวเอง แม้ว่านานๆทีถึงเจอก็เถอะ แต่ทุกครั้งที่เจอเป็นต้องเกิดเรื่องน่าอับอายตลอด อย่างการเผลอหันขวับไปตอบ เดินไปหา หรือพยักหน้าให้ แถมมักจะเป็นกับคนที่ไม่รู้จักด้วย แค่นี้ก็อายจนทำตัวไม่ถูกแล้ว ว่าหลังๆผู้เขียนจะแก้ด้วยการเมินเวลามีใครเรียกชื่อเฉยๆไม่มีคำต่อท้าย แต่ก็ยังพลาดเผลอหันไปตอบสนองแบบเดิมหรือไม่ก็ทำเมินเกินไปจนคนที่ต้องการจะเรียกเราจริงๆหงุดหงิดก็มี
ขอจบ EP1 แต่เพียงเท่านี้ หากผู้อ่านสนใจอีก 5 อันดับที่เหลืออย่าลมติดตาม EP2 กันด้วยนะคะ รับรองว่าแต่ละเรื่องน่าอายไม่แพ้ EP1 แน่นอน