
อเมริกา ถ้าเป็นชีวิตเป็นรถไฟเหาะจริงละก็ เราก็ตกจากที่สูงที่สุด(ตั้งแต่ host family ที่สองแล้ว) แล้วขึ้นมาไม่ได้อีกเลย เราต้องใช้ชีวิตอยู่กับ host brother (อายุ9ขวบ) ซึ่งตอนแรกทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปด้วยดี host mom พาเราไปDisneyland ซึ่งเขาออกเงินให้ด้วย โดยที่พวกเราไปพักที่บ้านของ”พี่สาวอุปถัมภ์” (host sister) พี่สาวดูอายุห่างจากน้องชายมาก น่าจะประมาณ20กว่า และมีลูกแล้วด้วย1ขวบ (ตอนหลังเราเพิ่งทราบว่าพวกเขาเป็นลูกคนละพ่อกันค่ะ –host mom เราแต่งแล้วหย่าแล้ว 3 ครั้งค่ะ) ซึ่งก็สนุกดี
แต่…mom พูดตรงๆว่าไม่มีความมั่นคงทางการเงินเลย เราอาศัยในบ้านที่เธอซื้อไว้ถึง2หลังไว้เก็งกำไร เพราะเธอเล็งเห็นว่าเมืองนี้จะเป็นเมืองที่เจริญในอนาคต และเธอจะได้ขายบ้านสองหลังนี้ อาชีพของmomคือขายแว่นกันแดดที่ตลาดนัดแห่งหนึ่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ แว่นกันแดดนั้นเขารับมาจากdealerที่ฟลอริดา ซึ่งเราเดาว่า dealer นั่นรับจากจีนอีกที เราเลยช่วยmomด้วยกว่าให้พ่อช่วยหาบริษัทจากจีนให้momเรารับจากบริษัทจากจีนโดยตรงเพื่อให้ต้นทุนค่าของถูกลงไม่ต้องผ่านคนจากฟลอริด้านั้น…แต่มันไม่สำเร็จ ในขณะนั้นเขารอบรรจุเป็นครูอนุบาลที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งการไปขายแว่นกันแดดmomต้องปลุกเราตั้งแต่ตีสาม และลากเรา(ที่ไม่ค่อยอยากไป)ไปช่วยเฝ้าร้าน
เรื่องโรงเรียนหรือคะ คุณคิดว่าเมืองที่ไม่มีแม้แต่ป้ายรถเมล์จะมีโรงเรียนเหรอคะ เราต้องไปเข้าโรงเรียนเมืองข้างๆค่ะ และมันไม่ใช่เดิน 10 นาทีก็เดินไปถึงเมืองข้างๆ มันต้องขับรถเป็นชั่วโมงๆ
แล้ววันหนึ่งเราก็ได้ยินเสียง กรี๊ดดดด จาก mom ดังมาก เพราะลูกสาวของmom ไปนั่งเล่นที่ชายหาด กับแฟนหนุ่มของเธอ แล้วดันลืมมือถือไว้ แล้วเลยเอาบัตรเครดิตเสริม(อันนี้เป็นบทเรียนเลยว่าใครคิดจะทำบัตรเครดิตเสริมให้ลูกดูก่อนว่าลูกคุณคุมตัวเองเรื่องใช้จ่ายได้หรือไม่) รูดซื้อมือถือให้ตัวเองไม่พอให้แฟนตัวเองด้วย ซึ่งคนต้องจ่ายภาระหนี้อันใหญ่โตไม่ใช่ใครที่ไหน–momเอง
ความจริงถ้าhostเราไม่ไหว ปล่อยเราก็ได้นะ เราคิดว่าเราคงไม่ตกเป็น homeless ตามถนนหรอก การดึงเราไว้ทั้งที่ตัวเองเลี้ยงเราไม่ไหวมันสร้างความทรมานทั้งสองฝ่ายเปล่าๆ เราอยากพูดกับmomตรงๆแต่เราก็ไม่กล้า
เรียกว่าฐานะmomเปลี่ยนจาก(ยังไม่เรียกว่าปานกลางด้วยซ้ำเพราะต้องผ่อนบ้านสองหลังไหนจะผ่อนรถอีก)ปริ่มๆจะปานกลางก็แล้วกัน (พ่อเราบอกว่า mom ใช้จ่ายเงินเกินต้วเกินไป งานก็ไม่ได้มั่นคงมากแล้วทำไมหาเรื่องให้ตัวเองผ่อนบ้านตั้งสองหลัง รถอีก)เป็นจนมหาจนแล้วกัน จนขนาดที่เธอจ่ายค่าน้ำมันที่จะขับรถมาส่ง
เราและลูกเขาที่อีกเมืองหนึ่งไม่ไหว ต้องย้ายเราและลูกเขามานอนที่บ้านยายของmomที่อยู่ในเมืองที่มีรร.เราอยู่แทน และมันไม่มีห้องให้เราหมายความว่าเราต้องนอนโซฟาเป็นเดือนๆ เสื้อผ้าที่เราขนไปก็ไม่มีที่ซัก อาหารก็เปลี่ยนจากแฮมเบอร์เกอร์(ถูกที่สุดแล้วในอเมริกา)ไปเป็นบะหมี่สำเร็จรูป…และสุดท้ายคือไม่มีอะไรกินเลย!!! เราอยากจะบ้า ทำไมเขาไม่ปล่อยเราไป เราจะไปก็กลัวเจอhostแย่กว่าเดิม (แต่ความจริงคงจะมีอะไรแย่กว่านี้อีกและเราเริ่มมีเพื่อนที่รร.แล้วด้วย เราไม่อยากย้ายรร.อีก)
และคุณคงจำได้ว่าที่เราบอกว่าเด็กที่อเมริกาคือนรก!!! น้องชายของเราก็เช่นกัน ถ้าเขายึดรีโมททีวีได้ หมายความว่าเราต้องนั่งดูการ์ตูนไปทั้งวัน momก็มัวแต่ยุ่งหาเงินจึงไม่มีเวลากับเขา เราต้องเป็นคนดูแลเด็กคนนี้ตั้งแต่เย็นจนถึงเขาเข้านอน ซึ่งเด็กคนนี้ถ้าอยู่เมืองไทยเราเชื่อว่าต้องถูกตีจนก้นลาย เรามีหน้าที่ต้องดูแล
เด็กคนนี้ให้ทำการบ้านก่อน mom จะกลับมาพร้อมข้าวเย็นรึบางทีก็ไม่มีข้าว การดูแลเด็กคนนี้ให้ทำการบ้านขอบอกว่ายากกว่าจับปูใส่กระด้งอีก บางทีเราไม่เข้าใจการบ้านเขา เราต้องเปิด talking dictionary น้องเรามันก็ขอเปิดมั่งและน้องเราก็เปิดนานมากจนเราสงสัย สรุปว่าน้องเราแอบเล่นเกมค่ะพี่น้อง เสียเวลามากๆ
การบ้านที่ให้มาน่ะไม่ได้ยากเลยถ้าตั้งใจทำสองชั่วโมงก็เสร็จ บางทีลากยาวไปห้า-หกชั่วโมงค่ะ บอกว่าจะเข้าห้องน้ำแต่ไปแอบดูการ์ตูนบ้าง แอบไปเล่นกับลูกหมาของที่บ้านบ้าง บางทีก็โชคดีได้เค้กชอคโกแลตมา แทนที่จะเก็บไว้กิน…ไม่!!! (ของกินก็ไม่ค่อยจะมี)น้องเราจะแอบเอาไปกินเอง และเอาไปให้ลูกหมา
และที่เรารับไม่ได้สุดๆคือเราต้องบังคับให้น้องชายเราอาบน้ำก่อน mom จะกลับ และทั้งบ้านมีห้องน้ำมีห้องน้ำห้องเดียว น้องเราจะทำให้ห้องน้ำสกปรก(ไม่อยากอธิบายสภาพ) เอาว่าเราบอกแค่มันเป็นสิ่งปฎิกูลจากตัวเขาเอง บางทีเราทนไม่ไหวถึงขั้นไม่อาบเลย และเอาไปฟ้อง mom mom ก็แค่ว่า เป็นเราจะขังน้องชายให้อยู่ในห้องน้ำให้เข็ดเลย
เราสงสัยอย่างหนักอีกอย่างหนึ่งคือตัวพี่สาวที่ใช้เงินโดยที่ไม่ได้คิด ทำไม mom ไม่ว่าอะไรเลย ซื้อมือถือให้ตัวเองยังไม่เท่าไหร่ แต่ซื้อให้แฟนเนี่ยนะ (เรามารู้ทีหลังว่าเขายังไม่ได้แต่งงาน แต่ฝ่ายหญิงพลาดท้อง ความสัมพันธ์แบบนี้มีให้เห็นทั่วอเมริกา เพื่อนเราบางคนอายุแค่15 แต่ขอโทษเข็นรถเข็นเด็กแล้วค่ะ
ที่นี่ท้องก่อนแต่งไม่ได้น่าเกลียดค่ะ ทางโรงเรียนจะมีชั้นเรียนประมาณคุณแม่คุณพ่อฝึกเลี้ยงเด็ก–ถ้าความสัมพันธ์เกิดจากคนในโรงเรียนเดียวกัน momเราพูดกับเราตรงๆเลยว่า การจะผูกสัมพันธ์กับผู้ชายโดยที่เรายังไม่พร้อม สุดท้ายคนที่จะเจ็บที่สุดคือตัวเรา พี่สาวของเราตั้งท้องโดยยังไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแฟนเขาบางทีก็ระหองระแหง และมันนำไปสู่ภาระยิ่งใหญ่ทางการเงิน)
แต่แล้ววันหนึ่งพี่สาวของเราก็โผล่มาพร้อมกับลูกของเขา!!!
อ่านบทความน่าสนใจเพิ่มได้ที่ > นาคี