
เจ้าหมาน้อย ทุกคนมีสัตว์เลี้ยงที่บ้านมั้ยครับ? สำหรับผู้เขียนตั้งแต่เกิดมาจำความได้ ก็ได้เห็นหมาตัวหนึ่งชื่อว่า ‘ปิ๊ก’ เข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของผู้เขียนแล้ว ปิ๊กเป็นสุนัขตัวเล็ก ลำตัวยาว ขาสั้น ขนสั้นสีขาว มีด่าง หูตกเพศเมียผู้เขียนไม่รู้แน่ชัดว่าใครกันแน่เป็นเจ้าของมัน เดาๆว่าอาจจะเป็นปู่ไม่ก็ย่าของผู้เขียนเอง
จนกระทั่งผู้เขียนอายุ 12 ปี ปิ๊กได้ตั้งท้องแล้วคลอดลูก ซึ่งลูกปิ๊กหลายตัวก็ถูกแจกจ่ายให้เลี้ยงกันในหมู่ญาติ หลงเหลือแต่ลูกหมาตัวหนึ่งชื่อว่า ‘แครอท’ เป็นสุนัขขนหยิกสีดำ มีขนลายเหมือนถุงเท้าสีน้ำตาล หูตก เพศผู้ แครอทเป็นตัวที่มีจุดเด่นอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนจำได้ดี คือเป็นสุนัขหางกุดเพียงตัวเดียวในบ้าน
ย้อนกลับไปช่วงปิ๊กกำลังตั้งครรภ์และพร้อมคลอด วันนั้นปิ๊กได้วิ่งเข้าไปในสวนหลังบ้าน วันนั้นฟ้ามืดมากเหมือนฝนจะตกหนัก อาของผู้เขียนจึงเดินไปอุ้มมันมาหลบในบ้านเพื่อความปลอดภัย และได้เห็นท่าทางดุร้ายของปิ๊กเป็นครั้งแรก อาจึงรู้ทันทีว่าปิ๊กใกล้คลอด
อาจัดเตรียมพื้นที่ใต้บันไดหาผ้ามากองๆไว้ให้เพื่อให้ปิ๊กรู้สึกปลอดภัย จำได้ว่าเมื่อผู้เขียนพยายามเข้าไปใกล้ก็ถูกปิ๊กขู่เช่นกัน เมื่อถอยออกมาปิ๊กถึงจะเลิกขู่ พอลองเอามือเข้าไปจับอีกครั้งปิ๊กก็เริ่มขู่อีกเหมือนเดิม ตอนนั้นผู้เขียนยังเด็กเลยคิดว่ามันสนุกที่ได้แกล้งปิ๊กเล่น แต่เมื่อจ้องมองใบหน้าเหนื่อยอ่อนของปิ๊กดูดี ๆ
เหมือนปิ๊กทำไปเพราะต้องการปกป้องตัวเองและลูกมากกว่าไม่ได้อยากทำตัวดุร้ายใส่เลย เป็นการทำไปโดยสัญชาตญาณเท่านั้น ผู้เขียนจึงรู้สึกผิดแล้วเลิกรบกวนปล่อยให้ปิ๊กคลอดตามลำพัง พอตอนเช้าปิ๊กก็ได้คลอดลูกออกมา สำหรับแครอทนั้น เป็นสุนัขร่าเริงตัวหนึ่ง เวลามันอยากเล่นด้วยจะยืนสองขา ผู้เขียนไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีใครสอนหรือเปล่า
โดยส่วนตัวผู้เขียนคิดว่ามันอยากทำด้วยจึงเรียนรู้ที่จะยืนสองขาเพื่อสื่อสารกับคนด้วยตัวเอง เพราะนอกจากมันแล้วก็ไม่มีสุนัขตัวอื่นในบ้านที่ชอบทำอะไรแบบนั้น เมื่อผู้เขียนอยู่ชั้นม.3 ป้าได้เอาสุนัขตัวหนึ่งมาเลี้ยงเพิ่ม เป็นสุนัขตัวเล็กขนยาวสีน้ำตาล หูตก เพศเมีย ชื่อว่า กาละแม ต่อมากาละแมกับแครอทได้จับคู่กันออกมาเป็นลูกสุนัขชุดใหม่
เช่นเดิมลูกสนัขส่วนใหญ่จะถูกแบ่งไป จนเหลือสองตัวเป็นเพศเมีย ตอนนั้นขนของลูกสุนัขยังไม่ขึ้น แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าต้องลักษณะเหมือนกาละแมแน่ ๆ ลูกทั้งสองมีชื่อว่า ถุงเงินและถุงทอง โดยถุงทองถูกญาติทางป้ารับเลี้ยงไปและถุงเงินได้เข้ามาเป็นหมาของครอบครัวผู้เขียนอีกตัวหนึ่ง ถึงตอนนั้นผู้เขียนก็เริ่มสงสัยแล้วว่า
ทำไมปิ๊กถึงมีอายุยาวนานนัก จากที่ผู้เขียนทราบมาสุนัขจะมีอายุราวๆสิบถึงสิบสองปี แต่ปิ๊กอยู่มาเกือบสิบหห้าปีแล้ว ร่างกายยังแข็งแรงไม่ได้อ่อนแรงลง ยังพอวิ่งเล่นกับพวกหมาตัวอื่นได้อีก แม้มีบ้างที่ชอบนอนเยอะ ผ่านมาสองปีถุงเงินเริ่มโตเต็มวัยกลายเป็นสุนัขตัวเล็กลักษณะแบบเดียวกับแม่ของมันเลย แต่ขนไม่ค่อยสวยนักคล้ายผ้าขี้ริ้ว
เพราะแม่ของมันการละแมถูกเลี้ยงมาให้ห้องแอร์ ค่อนข้างสะอาดขนจึงสวยนุ่ม แต่ถุงเงินนั้นทางบ้านของผู้เขียนปล่อยในมันวิ่งเล่นในบริเวณรอบบ้าน ซึ่งเป็นสวนสนามหญ้า ดิน นาน ๆจะอาบน้ำให้ทีและเมื่ออาบขนก็ยังพอมีความสวยแบบกาละแมอยู่บ้าง ถึงจะเป็นเวลาช่วงสั้นๆเพราะหลังจากนั้นถุงเงินก็ออกไปวิ่งเล่นเช่นเคยจนขนสกปรกเหมือนเดิม
สุนัขแต่ละตัวมีประติสัมพันธ์ต่อผู้เขียนต่างกัน แครอทเวลาที่ผู้เขียนเข้าไปใกล้มันจะชอบยืนสองขาและเอาขาด้านหน้ามาพิงผู้เขียน ส่วนถุงเงินเวลาผู้เขียนเข้าไปเล่นด้วยมันจะนอนหงายท้องให้เกาทุกครั้ง ไม่ว่าตอนนั้นมกำลังยืน นอนคล่ำ หรือกำลังวิ่งเข้ามาหามันจะนอนหงายหน้าท้องให้เสมอ ผู้เขียนพยายามฝึกให้ถุงเงินยืนสองขาแบบแครอท
แต่มันไม่ค่อยทำตามนัก ปกติจะนอนหงายไปเลย แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนฝึกให้ทั้งสองตัวได้คือ ‘ขอจับมือ’ แต่ได้ข้างซ้ายข้างเดียวอีกข้างทำไม่สำเร็จ เวลาผ่านไปผู้เขียนขึ้นชั้นม.5 พ่อของผู้เขียนได้นำลูกหมาตัวหนึ่งกลับมาบ้าน พ่อบอกว่าเป็นสุนัขข้างทางนับว่าเป็นสุนัขตัวแรกที่ผู้เขียนได้เป็นเจ้าของ ตอนพบกันครั้งแรกนั้น ตาของมันยังไม่เปิดด้วยซ้ำ
ยังยืนขึ้นไม่ไหวต้องอาศัยการคลาน ดูจากขนที่เริ่มขึ้นแล้วผู้เขียนเดาว่ามันน่าจะอายุประมาณหนึ่งสัปดาห์ ผู้เขียนตั้งชื่อมันว่า ‘ลิซาดอน’ บักหมาน้อย เป็นชื่อของตัวการ์ตูนจากเรื่องโปเกม่อน มันมีขนสีดำ แล้วมีลายคล้ายถุงเท้าสีน้ำตาล เพศผู้ ดูไปดูมาก็คล้ายกับแครอทอยู่ เมื่อลิซาดอนโตขึ้นผู้เขียนมีความรู้สึกชอบมันมาก
นอกจากมันจะเป็นสุนัขตัวแรกของผู้เขียนแล้ว ยังเป็นสุนัขตัวแรกที่มีหูตั้งอีกด้วย อันที่จริงมันไม่ได้ตั้งแบบมั่นคงอะไรนัก แค่พอทรงๆตัวได้ และลิซาดอนยังเป็นสุนัขพันธ์ใหญ่เวลาผู้เขียนกับมันนั่งข้างกันแทบจะสูงไล่ๆกันเลย เวลาลูบหัวผู้เขียนสามารถใช้ทั้งฝ่ามือลูบได้เพราะหัวของลิซาดอนใหญ่กว่าหมาตัวอื่น พูดถึงลักษณะนิสัยของลิซาดอน
มันชอบให้ผู้เขียนเกาคอของมันมาก เวลาเกาแต่ละครั้งมันจะค่อยๆบิดคอ และบิดตัวตามทิศทางที่ผู้เขียนเกา เกิดเป็นท่าทางแปลกประหลาดจนผู้เขียนยากจะอธิบายได้ เมื่อผู้เขียนอยู่ม.6 คุณพ่อของผู้เขียนได้เก็บสุนัขมาเพิ่มอีกตัว รอบนี้เป็นพันธุ์ขนสีน้ำตาลอ่อนเพศชาย อายุประมาณหนึ่งสัปดาห์ ตาก็ยังไม่ลืม ส่วนขาก็ยังยืนไม่ได้
โดยผู้เขียนได้ตั้งชื่อว่า ลิลลี่ ลิลลี่เป็นสุนัขพันธ์เล็กขนสั้น หูตก หลังอาน เป็นสุนัขร่าเริง ร่างกายแข็งแรง ชอบวิ่งไปมากับเพื่อนๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นสุนัขที่ขี้กลัวคนมาก เวลาที่มีคนมาเยี่ยมบ้านมันจะเป็นตัวแรกที่เห็นแล้วเห่าทันที และเมื่อลิซาดอนได้ยินลิลลี่เห่า ลิซาดอนจะเห่าตามทันที แม้ยังไม่เห็นอะไรด้วยซ้ำ บางครั้งลิซาดอนกำลังนอนอยู่ใต้เก้าอี้ม้านั่ง
พอลินลี้เห่าปุ๊บมันก็เห่าตามลองจิตนาการสุนัขที่ตัวใหญ่ประมาณหนึ่งมุดตัวอยู่ใต้ม้านั่งแคบ ๆ แล้วพยายามตะกายตัวออกมาพร้อมเห่าไปด้วยโดยไม่รู้ว่าเห่าอะไรจนกระทั่งออกมาได้แล้ว จึงวิ่งตามไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สุดท้ายเป็นแค่รถมอเตอร์ไซต์ และพอมันไปรถก็ขับไปไกลแล้ว เป็นภาพที่ผู้เขียนเห็นบ่อยมากแต่ยังอดขำไม่ได้ทุกครั้ง
ณ ปัจจุบันสุนัขของครอบครัวผู้เขียนได้เสียชีวิตแล้ว บ้างเพราะอายุขัย บ้างเพราะโรคภัย บ้างก็อุบัติเหตุเหลือแค่ลิลลี่เท่านั้นที่มีชีวิตอยู่ หากถามว่าผู้เขียนรู้สึกเสียใจหรือไม่กับเหตุการณ์แบบนี้ ต้องตอบตามตรงเลยว่าเสียใจแต่ไม่มาก เพราะกว่าจะได้รู้ข่าวก็ตอนที่ผู้เขียนได้กลับบ้านช่วงปิดเทอมเท่านั้น ทุกครั้งที่กลับมีความรู้สึกเหงาๆ
ที่ทุกตัวค่อยๆตายจากไป ตอนนี้เองผู้เขียนอยากที่จะเลี้ยงลิลลี่ไว้ใกล้ ๆกับผู้เขียนแต่ด้วยข้อจำกัดต่างๆ จึงต้องฝากคุณพ่อไว้ก่อน ผู้เขียนยังคงมีความหวังเสมอว่าทุก ๆ ครั้งที่กลับบ้านไปจะได้เจอลิลลี่ยังคงนั่งรอเล่นกับผู้เขียนอยู่ที่บ้าน